ไฮยาลูโรนิค หรือไฮยาลูรอน คือ

          กรดไฮยาลูโรนิค เอซิด ( Hyaluronic acid : HA ) หรือ ไฮยาลูรอน กรดนี้เป็นสารที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นมาได้เอง เป็นโมเลกุลของน้ำตาลชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า polysaccharide ที่มีอยู่ในเนื้อเยื่อของร่างกาย โดยปกติร่างกายมนุษย์จะมี Hyaluronic acid (กรดไฮยาลูโรนิค) ประมาณ 15 กรัม  และจะอยู่ที่ชั้นผิวหนัง  50% และอยู่ที่กระดูกอ่อนและส่วนอื่นๆอีก  50%  ทำหน้าที่เป็นส่วนประกอบหลักของน้ำไขข้อ หล่อเลี้ยงข้อต่อ น้ำเลี้ยงลูกตา น้ำหล่อลื่นบริเวณส่วนต่างๆของร่างกาย รวมทั้งลดการเสียดสีของอวัยวะและเซลล์อีกด้วย 


          ในทางความงาม "ไฮยาลูโรนิค แอซิด"  มีคุณสมบัติที่น่าสนใจ คือ เป็นตัวประสานความเชื่อมต่อระหว่าง ชั้นผิวหนังแท้ (dermis) โปรตีนคอลลาเจน และ อีลาสติน เข้าด้วยกัน ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น เต่งตึง ปราศจากริ้วรอย และดูเรียบเนียน จึงทำให้ ไฮยาลูโรนิค เอซิด มีคุณสมบัติทางความงามโดยอ้อม คือ เป็นตัวช่วยในการนำสารอาหารเข้าสู่เซลล์ผิว ทำให้เซลล์ผิวแข็งแรง และยังสามารถช่วยในการขับของเสียออกจากเซลล์ได้ดีระดับหนึ่งเลยทีเดียว

ประโยชน์กรดไฮยาลูโรนิคต่อผิวหน้า

          กรดไฮยาลูโรนิค หรือ ไฮยาลูรอน นั้นสภาพปกติมักจะมีสภาพเป็นเจล สารตัวนี้สามารถรวมตัวกับน้ำและจะดูดซับน้ำเอาไว้แล้วเกิดการขยายตัว ช่วยให้ผิวเกิดเป็นความเรียบและยืดหยุ่น  ไฮยาลูโรนิค จึงเป็นสารให้ความชุ่มชื่นตามธรรมชาติเพราะมันสามารถดึงดูดน้ำในชั้นผิวหนังช่วยให้ผิวนุ่ม ลื่นและยืดหยุ่น

อายุเปลี่ยน ไฮยาลูโรนิคเปลี่ยน ผิวก็เปลี่ยน

        โดยปกติรูปแบบธรรมชาติของ Hyaluronic acid (กรดไฮยาลูโรนิค หรือ ไฮยาลูรอน ) สามารถละลายน้ำ และร่างกายสามารถผลิตมันออกมาได้ใหม่ ด้วยการทำงานของเอนไซม์ และมันจะมีอายุยืนยาวอยู่ได้ 24 วันตามสภาพร่างกายที่ปกติ  แต่มันจะหมดอายุสั้นลงด้วยภาวะของความเครียด  และความเจ็บป่วยบางประการของร่างกาย

        โดยเฉพาะเมื่ออายุได้ล่วงเลยเข้าถึงวัย 30 ขึ้นไป องค์ประกอบสำคัญของโครงสร้างผิวอย่างคอลลาเจนและไฮยาลูโรนิค เอซิด ยิ่งลดลงทำให้ผิวที่เคยแข็งแรง ยืดหยุ่น กระชับ และชุ่มชื่น แปรเปลี่ยนสภาพไปอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้ผิวบอบบาง อ่อนแอ ผิวแห้งเหี่ยว หย่อนคล้อย จนกลายเป็นร่องลึกตามบริเวณต่างๆของใบหน้า นอกจากนี้ยังกระทบต่อความหนาแน่นของเซลล์ผิวทั่วใบหน้าอีกด้วย หรือที่เรียกว่าผิวแก่

กรดไฮยาลูโรนิคสังเคราะห์ หรือ ไฮยาลูรอนสังเคราะห์

           นักวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์จึงได้คิดค้น “กรดไฮยาลูโรนิคสังเคราะห์” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทดแทน ไฮยาลูโรนิค เอซิด ที่ร่างกายสร้างขึ้น สารดังกล่าวมีลักษณะหนืดข้น ละลายน้ำได้ดี แต่ก็อุ้มน้ำได้ดีมาก เช่นกัน 

            กรดสังเคราะห์ดังกล่าวถูกนำมาเป็นยาประเภทฉีดเพื่อบำบัดรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis of the knee) และภาวะอักเสบรอบข้อไหล่ (Scapulohumeral periarthritis) หรือลดอาการปวดกล้ามเนื้อ/ปวดข้อได้ผลชะงัด ต่อมาได้พัฒนามาเป็น ผลิตภัณฑ์น้ำตาเทียม (Artificial tear) เพื่อช่วยหล่อลื่นลูกตาลดอาการระคายเคืองในลูกตา บรรเทาอาการตาแห้ง

นวัตกรรมสู่ความงามที่คงไว้ซึ่งผิวที่อ่อนเยาว์

           นักวิทยาศาสตร์ทางด้านความงาม ได้เล็งเห็นประสิทธิภาพของ กรดไฮยาลูโรนิคสังเคราะห์ นี้  และได้นำมาเป็นส่วนผสมหลักเครื่องสำอางอย่าง ลิปสติก เป็นต้น โดยใช้ชื่อสารว่า “Sodium Hyaluronate” ร่วมกับ “โคเอนไซม์คิวเท็น” (Coenzyme Q10) วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ จนเกิดสารบำรุงผิวที่มีคุณสมบัติและทรงคุณค่า อาทิ

1. การแก้ไขปัญหาผวขาดความสมดุล ผิวแห้ง เป็นขุย หรือหลุดลอกเป็นแผ่นๆ ด้วยคุณสมบัติกักเก็บความชุ่มชื้นในชั้นผิวได้ดีเยี่ยม

2. การบำรุงผิวพรรณ โดยเฉพาะผิวหน้าจะสามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วในด้าน ความตึง กระชับ เรียบเนียน

3. ลดอาการอักเสบของสิวซ่อมแซมผิวที่ถูกทำลาย เร่งกระบวนการฟื้นฟูเซลล์ที่มีผลต่อการหายของแผล

4. มีส่วนช่วยในการลดการสร้างอนุมูลอิสระ และกรองรังสี UV ที่จะทำร้ายผิว

การใช้ไฮยารูโรนิคสังเคราะห์ ในปัจจุบัน

1.การฉีดฟิลเลอร์ ที่กำลังฮิตกันอยู่ในปัจจุบัน จะใช้ กรดไฮยาลูโรนิคสังเคราะห์ ฉีดเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องบนใบหน้า ซึ่งสารดังกล่าวมสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ


2.เป็นผสมหลักของครีม/เซรั่ม ปัจจุบันมีการนำเข้า กรดไฮยาลูโรนิคสังเคราะห์ มาจาก จีน  ญี่ปุ่น อเมริกา และอิตาลี ซึ่งมีวิธีการสังเคราะห์ที่แตกต่างกัน ทำให้คุณภาพของ ไฮยาลูโรนิค ต่างกันไปตามลำดับ ฉนันราคาจึงแตกต่างกันไปด้วย  ดังนั้นก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ควรพิจจารณา  ที่มาของกรดไฮยาลูโรนิค อย่างถี่ถ้วน

ข้อควรระวังการใช้ กรดไฮยารูโรนิคสังเคราะห์

ผู้บริโภคควรทราบข้อควรระวังของการใช้เครื่องสำอาง ครีมที่มี ไฮยาลูโรนิค เอซิด เป็นส่วนประกอบด้วย เนื่องจากการสังเคราะห์ ไฮยาลูโรนิค เอซิด ได้มาจากการสกัดแบคทีเรียที่ชื่อว่า Bacillus subtilis ในผู้ใช้บางรายจึงอาจเกิดอาการแพ้ยาจากโปรตีนของแบคทีเรียที่ใช้สังเคราะห์ตัวสารนี้ ห้ามใช้สารดังกล่าวกับสตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร และ เด็ก (อายุต่ำกว่า 3 ปี) 

Astaxanthin คือ

สาว ๆ คงมีความกังวลหรือประสบปัญหากับริ้วรอยแห่งวัย โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ40ปีขึ้นไป จะมองหาตัวช่วยในการชะลอริ้วรอยแห่งวัย และ แอสตาแซนทีน (Astaxanthin) คือหนึ่งในตัวช่วยที่สาว ๆ เลือกใช้ วันนี้เรามาทำความรู้จักกับแอสตาแซนทีนกันให้มากขึ้นว่าคืออะไร

ฝ้าเกิดจากอะไร

ปัจจัยที่ทำให้เกิดฝ้า

ทำไมเราจึงต้องทาครีมกันแดด

การทาครีมกันแดดทุกวันจะช่วยรักษาคอลลาเจนที่อยู่ใต้ผิวและยังช่วยปกป้องแดดจากแสง UV ที่ส่องกระทบลงบนผิวหน้า ช่วยให้หน้ากระจ่างใสอีกด้วย